เบาหวาน
เบาหวาน รู้ทัน และรู้จัก โรคเบาหวาน
เบาหวาน คือ การที่เซลล์ร่างกายมีความผิดปกติ กระบวนการเปลี่ยนน้ำตาล ให้เป็นพลังงาน ไม่ได้ เมื่อน้ำตาลไม่ได้ถูกใช้ จึงทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือด สูงขึ้น จนเกิดความผิดปกติ
ผู้ป่วยเบาหวาน จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ร่างกาย เปรียบเสมือนบ้าน
น้ำตาลกลูโคส เปรียบเสมือนคนที่ต้องการเข้าไปดูแลบ้าน
อินซูลิน เปรียบเสมือนกุญแจ
ร่างกายของคนเรา จะใช้น้ำตาลที่กินจากอาหาร เพื่อทำให้เกิดพลังงาน น้ำตาลที่ว่านี้คือ น้ำตาลกลูโคสนั่นเอง
เมื่อเรากินอาหารไม่ว่าจะเป็นแป้ง เนื้อสัตว์ ไขมัน ผลไม้ หรือผัก ก็ตาม ร่างกายจะย่อยให้เป็นหน่วยที่เล็กที่สุด คือน้ำตาลกลูโคสก่อนเสมอ
เมื่อผู้ป่วยเบาหวาน ไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคส เข้าสู่ร่างกายได้ เนื่องจากขาดอินซูลิน
ซึ่งเป็นตัวกลางในการนำน้ำตาล เข้าไปเคาะประตูเซลล์ต่างๆในร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาลึกลงไปจนถึงระดับเซลล์พบว่า ร่างกายมีประตูที่เป็นทางเข้าของน้ำตาล ซึ่งเราเรียกประตูนั้นว่าอินซูลิน (lnsulin receptor)
ผลงานวิจัย Operation BIM กับผู้ป่วยเบาหวาน ศึกษาพบว่า?
ในผู้ป่วยเบาหวาน เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-α, IFN-γ และ IL-17 มากไปจนเกินความสมดุล
โดย TNF-α และ IFN-γ
จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้ สร้างอินซูลินได้น้อยลง (เบาหวานชนิดที่ 1)
และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลินของเซลล์ (เบาหวานชนิดที่ 2) ส่วน IL-17 จะทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นจึงทำให้เบาหวาน เป็นอาการหนึ่งของการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัยเกี่ยวกับโรคเบาหวาน
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัย และพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก ในผู้ป่วยเบาหวาน เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-α, INF-ϒ และ IL-17 มากไปจนเกินความสมดุลโดย TNF-α และ INF-ϒ จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้สร้างอินซูลินได้น้อยลง(เบาหวานชนิดที่ 1) และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลินของเซลล์(เบาหวานชนิดที่ 2) ส่วน IL-17 จำทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นจึงทำให้เบาหวาน ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของการแพ้ภูมตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย
“การสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุล เป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ”
ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ถ้าอวัยวะและเซลล์ต่างๆในร่างกาย เกิดมีภูมิต้านทานมากเกินไป มีภูมิคุ้มกันเยอะเกินไป สภาวะนี้ จะทำให้เกิดโรคแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสร้างสารต้านทานโรคให้กับตนเองมากเกินไป เช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
เบาหวาน ขาดอินซูลินมี 2 แบบหลักๆ
1. อินซูลินในร่างกายเท่ากับศูนย์
ร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือไม่มีเลยเนื่องจากตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่ได้ เรียกว่า เบาหวานชนิดที่ 1
เบาหวานชนิดที่ 1 มักพบในเด็ก
เบาหวานชนิดนี้รักษาโดยการฉีดอินซูลิน
2. อินซูลินไม้สามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ได้
หมายถึง ร่างกายไม่ได้ขาดอินซูลินตับอ่อนสามารถผลิตอินซูลินได้อาจจะมากหรือน้อยกว่าปกติแต่อินซูลินไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ได้ เรียกว่า เบาหวานชนิดที่ 2
เบาหวานชนิดที่ 2 มักพบในผู้ใหญ่
ระหว่างชนิดนี้รักษาโดยการใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด
3. เบาหวาน ชนิดอื่นๆ
ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง เรียกว่า เบาหวานชนิดที่ 3 ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังอาจจะเกิดจากสาเหตุดังนี้ เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี หรือเกิดจากการดื่มเหล้าเป็นประจำเป็นเนื้องอกในตับอ่อน หรือการรับประทานยาบางชนิดเป็นระยะเวลานานๆ
เบาหวานชนิดนี้รักษายากกว่าชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 เนื่องจากตับอ่อนอักเสบเรื้อรังจนทำให้
ขาดการสมดุลของ การทำงานของเซลล์ต่างๆในร่างกายจนไม่สามารถสร้างอินซูลินไปลด – เพิ่ม ระดับน้ำตาลในเลือด หากเกิดภาวะน้ำตาลสูงก็จะควบคุมยากอีดทั้งสูญเสียการย่อยอาหาร ทำให้ถ่ายเหลว เกิดภาวะทุพโภชนาการ การรับประทานอาหารไม่ปกติเนื่องจากบางครั้งอาจเกิดอาการปวดท้องจากการอักเสบของตับอ่อน นั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้ตับอ่อนทำงานผิดปกติอาทิเช่น
– ตับอ่อนติดเชื้อ
– การผ่าตัดตับอ่อน
– การอักเสบของตับอ่อนที่เกิดจากการดื่มเหล้า
– ตับอ่อนอักเสบที่เกิดจากยาสเตียรอยด์
– การอุดตันที่เกิดจากนิ่ว
– ยีนที่ควบคุมการทำงานของตับอ่อนผิดปกติ
– ยีนที่ควบคุมการทำงานของอินซูลินผิดปกติ
– โรคเนื้องอกต่อมหมวกไต โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง หรือการผลิตฮอร์โมนของต่อมใต้สมองผิดปกติ ถือเป็นโรคในกลุ่มต่อมไร้ท่อ
– โรคที่ เกิดจากไวรัสบางชนิด เป็นต้น
การอักเสบของตับอ่อน จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนปวดท้อง หากอักเสบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไขมันได้ น้ำหนักลด และเกิดเบาหวานชนิดที่ 3 ได้ในที่สุด
เบาหวานชนิดที่ 3 เรียกว่าเบาหวานอื่นๆ เป็นเบาหวานชนิดที่มีสาเหตุเฉพาะ
4. เบาหวานที่เกิดในช่วงตั้งครรภ์