เบาหวาน ภัยร้ายที่มาอย่างเงียบๆ รู้ตัวอีกทีก็ป่วยเป็นโรคเบาหวานไปแล้ว

เบาหวาน โรคระบาดทั่วโลกที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแต่เกิดจากสาเหตุหลักๆคือ

– การไม่ควบคุมอาหาร
– และการไม่ออกกำลังกาย
เบาหวาน เป็นโรคที่น่ากลัวและเป็นต้นทางของโรคอีกหลายๆโรค

เบาหวานกับการกิน
เบาหวานกับการกิน

เบาหวาน เป็นโรคที่มีการเผาผลาญสารอาหารผิดปกติ ที่เกิดจากการที่เรากินอาหารไม่ถูกต้องและไม่ออกกำลังกาย

เบาหวาน เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาได้กว่า 50 ถึง 60 ปีที่ผ่านมานี่เอง เป็นโรคที่มาจากความร่ำรวยและการกินดีอยู่ดีของมนุษย์ สัตว์มีชีวิตเซลล์เดียวนั้นจะมีอินซูลินเป็นตัวควบคุม และเป็นปัจจัยที่ทำให้มนุษย์ มีอายุยืนนานยิ่งขึ้น ในสัตว์ทุกชนิดมีฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลินนี้ทั้งหมด ในอดีตกาลเทคโนโลยียังไม่พัฒนาเราจึงไม่มีการกักเก็บอาหารด้วยการแช่แข็งด้วยการแปรรูป มนุษย์เราจึงกินอาหารสดใหม่ และถูกต้องตามฤดูกาล การดำเนินชีวิตของมนุษย์ในอดีตจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัย ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมอีกทั้งหน้าที่ การทำงานของอินซูลิน ก็เป็นไปอย่างถูกต้องไม่ใช่การนำอินซูลินฉีดเข้าร่างกาย เพื่อทดแทนหรือลดน้ำตาลเช่นการรักษาในปัจจุบัน อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ กักเก็บอาหาร ในรูปแบบพลังงาน
เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไปในร่างกาย ตับอ่อนก็จะส่งอินซูลินเข้ามาแปลสารอาหารในอาหาร ให้ร่างกายนำไปใช้ในรูปแบบของไขมัน รูปแบบของไกลโคเจน ( พลังงานในกล้ามเนื้อ) เป็นต้น เมื่อร่างกายเราหิวร่างกายจะนำไกลโคเจน ไขมันและพลังงานที่ถูกเก็บสะสม จากการแปรรูปของอินซูลิน ในอาหารออกมาใช้ในรูปแบบของพลังงาน แต่

ในปัจจุบันการนำอินซูลินไปใช้แปรเปลี่ยนจากหน้าที่เดิมไป ปัจจุบันเรากินอาหารประเภทที่ไม่เหมาะสมกินอาหารในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกาย จึงทำให้อินซูลินดื้อและทำงานผิดปกติ เช่นเรากินอาหารจนอิ่ม แล้วก็ยังไม่หยุดกินยังกินจุกกินจิก กินตลอดเวลาไม่ยอมให้ร่างกายได้พัก การกินข้าวขาว ขนมปังขนมหวาน ชากาแฟโดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง เป็นอาหารที่เพิ่มดัชนีน้ำตาลสูง (Glycemic Index) เช่นน้ำตาลกลูโคสเมื่อเรารับประทานเข้าไปร่างกายจะเก็บสะสมไว้ทั้งหมดไม่ย่อยสลายหรือแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานแต่จะไปสะสมในกระแสเลือดแทน ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรับประทานเข้าไปจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส 70% และเข้าไปสะสมในกระแสเลือดเป็นต้น

ดังนั้นเมื่อเรากินอาหารเกินความต้องการฮอร์โมนอินซูลินก็จะปรับเปลี่ยนอาหารเหล่านี้ เป็นพลังงาน แล้วนำไปจัดเก็บ ไว้เป็นพลังงานเมื่อเรารับประทานเข้าไปอีกทั้งๆที่อินซูลินยังทำงานเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานแล้วนำไปใช้กับเก็บอยู่ วนเวียนเช่นนี้ ทำให้ร่างกายต้องส่งฮอร์โมนอินซูลินมาทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้อินซูลินถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งตับอ่อนในส่วนที่เป็นเบต้าเซลล์ทำงานหนักมาก ในที่สุดเบต้าเซลล์ของตับอ่อนก็จะเริ่มป่วย ผิดปกติ ตามไปทีละนิด การรักษาโรคเบาหวานในปัจจุบัน โดยการนำอินซูลินเข้าไปใช้เพื่อเพิ่มหรือลดเบาหวาน ซึ่งไม่ว่าจะรับประทานยามากสักเท่าใดอินซูลินก็จะไม่เพียงพอ เนื่องจาก Beta Cell ในตับอ่อนมันป่วยและตาย ในที่สุด การกินยาลดเบาหวานไปนานๆคนเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ก็อาจจะกลายเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ คือกินยาลดน้ำตาลไม่ได้ผลแล้วจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนมาเป็นการฉีดอินซูลินแทน

วิธีการรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้อินซูลินไม่ว่าจะกินหรือฉีด เป็นวิธีที่ไม่สามารถทำให้ โรคเบาหวาน นั้นหายขาดได้ การฟื้นฟูตับอ่อนให้สามารถสร้างเบต้าเซลล์ และกลับมาทำงานได้ อย่างเหมาะสมและสมดุล นั่นจึงเป็นวิธีที่ถูกต้องกับ สาเหตุของการเกิด โรคเบาหวาน

ปัญหาของโรคเบาหวานให้รุนแรงได้
การปรับสมดุลของร่างกายสามารถควบคุม เบาหวานได้

ผลงานวิจัย Operation BIM กับผู้ป่วยเบาหวาน ศึกษาพบว่า?
ในผู้ป่วยเบาหวาน เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-α, IFN-γ และ IL-17 มากไปจนเกินความสมดุล
โดย TNF-α และ IFN-γ
จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้ สร้างอินซูลินได้น้อยลง (เบาหวานชนิดที่ 1)
และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลินของเซลล์ (เบาหวานชนิดที่ 2) ส่วน IL-17 จะทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นจึงทำให้เบาหวาน เป็นอาการหนึ่งของการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย

เบาหวาน
เบาหวาน
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัยเกี่ยวกับโรคเบาหวาน
คณะนักวิจัย Operation BIM ได้วิจัย และพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก ในผู้ป่วยเบาหวาน เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-α, INF-ϒ และ IL-17 มากไปจนเกินความสมดุลโดย TNF-α และ INF-ϒ จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้สร้างอินซูลินได้น้อยลง(เบาหวานชนิดที่ 1) และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลินของเซลล์(เบาหวานชนิดที่ 2) ส่วน IL-17 จำทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นจึงทำให้เบาหวาน ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของการแพ้ภูมตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย
“การสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุล เป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ”

คณะนักวิจัย Operation bim จากศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยได้ริเริ่มแนวทางใหม่ ด้วยการใช้อาหารสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุลเพื่อป้องกันโรคภัย ด้วยการนำสาร GM-1อันทรงคุณค่า เสริมฤทธิ์ด้วยสารสกัดจากธัญพืช และผลไม้ มังคุด ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง และใบบัวบก
จากการศึกษาอย่างต่อเนื่องพบว่า สูตรอาหารนี้มีประสิทธิภาพสูงในการปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุลจึงได้ตั้งชื่อสูตรอาหารนี้ว่า “BIM ซึ่งย่อมาจาก Balancing Immunity (ภูมิคุ้มกันที่สมดุล)” นำเสนอผลงานวิจัยนี้ ในที่ประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ
ผลจากการทดสอบผลงานวิจัย operation bim ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สามารถอธิบายประสิทธิภาพของผลงานวิจัย operation bim ในการสร้างสมดุลของภูมิคุ้มกันตามหลักภูมิคุ้มกันวิทยาล่าสุด

เบาหวานชนิดที่ 2 สามารถป้องกันและรักษาได้ ไม่จำเป็นต้องกินยาลดเบาหวานตลอดชีวิต
สถิติคนเป็น โรคเบาหวาน ทั่วโลก เมื่อ 50-60 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันคนเป็นเบาหวานมีจำนวนเพิ่มขึ้น ถึง 700 % แสดงว่า วิธีการรักษาด้วยการกินยาหรือการฉีดอินซูลินนั้น สถิติของผู้ป่วยเบาหวาน ก็ยังคงเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีการแนะนำโภชนาการที่ดีแล้วก็ตาม

เมื่อระดับฮอร์โมนอินซูลิน ที่นำพาน้ำตาล เข้าสู่กระแสเลือดนั้นน้อยลงหรือมากขึ้น ไม่ทำงาน หรืออินซูลินนั้นดื้อทำงานผิดปกติ แล้วเราไปรับประทานยาให้ตับอ่อน ทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผลิตอินซูลิน ตับอ่อนก็จะยิ่งแย่ลง ตับอ่อนเป็นอวัยวะที่สำคัญและยากต่อการรักษาเยียวยา มีเงินมากมายมหาศาลเพียงใด ก็ยากที่จะรักษาตับอ่อนให้ปกติได้ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและการใช้ชีวิตเพื่อไม่ให้อินซูลินวิ่ง ขึ้นลง เลี่ยงการกินอาหาร ที่ไม่เหมาะสม ทั้งชนิดและปริมาณของคนเรา อาทิเช่นอาหารผัดๆทอดๆ อาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาลเป็นต้น อาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเบาหวานได้แก่อาหารจำพวกผักสดและผลไม้บางชนิด เป็นต้น

ผู้ป่วยเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานๆ น้ำตาลกลูโคสจะทำปฏิกิริยากับโปรตีน ได้โดยที่ไม่ต้องมีการเร่งของเอนไซม์ใดๆ เลย เรา

เราเรียกว่าปฏิกิริยา ไกลเคชั่น เม็ดเลือดเมื่อมีน้ำตาลไปเกาะสะสมอยู่ ในฮีโมโกลบิน A1C ที่เม็ดเลือดแดง จะเห็นได้จากเส้นเลือดของผู้ป่วย เบาหวาน มีการแข็งตัวไม่ยืดหยุ่น การไหลเวียน ของเลือด ของเลือดเมื่อเส้นเลือด ไม่มีความยืดหยุ่น ก็จะไม่สามารถนำพาสารอาหารต่างๆจากเม็ดเลือดรวมทั้งออกซิเจน เข้าสู่ส่วนต่างๆของร่างกายของผู้ป่วย เบาหวาน ได้ โดยเฉพาะปลายมือปลายเท้า ดังนั้นเมื่อเป็นแผลการซ่อมแซมเนื้อเยื่อของร่างกาย จึงเป็นไปได้ยากเมื่อผู้ป่วย เบาหวาน เป็นแผลแผลก็จะเน่าและถูกตัดเนื้อทิ้งในที่สุดจากการที่เส้นเลือดแข็งไม่ไหลเวียนไปถึงบริเวณที่เป็นแผลนั้นเอง

ปัจจุบัน มีผู้ป่วยเบาหวาน เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2 แสนคนต่อปี เสียชีวิตถึงปีละ 8000 คนนอกจากนี้ข้อมูลของสถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขพบว่า ประเทศไทยต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเบาหวาน เฉลี่ยสูงถึง 47,596 ล้านบาทต่อปี
และที่น่าเป็นห่วงคือ มีคนไทยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานอีก 7.7 ล้านคน ซึ่งคาดว่า กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ จะกลายเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานในอัตราร้อยละ 5-10 ต่อปี

ปัจจัยหลักของการเกิดโรคเบาหวาน เกิดจากพฤติกรรม การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย พบว่าคนรุ่นใหม่ มีโอกาสเป็นเบาหวานสูงขึ้นจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป

กุญแจสำคัญในการดูแล ผู้ป่วยเบาหวาน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาการดูแลรักษาและการควบคุมโรคเบาหวาน อย่างครอบคลุมเพื่อลดอัตราการเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานอัตราการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต เพื่อให้การดูแลรักษาเบาหวาน อย่างมีประสิทธิภาพและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน อันเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยการถ่ายทอดความรู้และทักษะที่ถูกต้องไปยังผู้ป่วยโรคเบาหวาน ครอบครัวของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่สนใจ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

http://www.bim100icon.com

http://www.bim100channels.com/

http://www.bim100product.com/

https://www.youtube.com/bim100product

ใส่ความเห็น