เบาหวาน กับภาวะเบาหวานขึ้นตา
เบาหวาน เป็นโรคที่ไม่มีอาการ และไม่น่ากลัวเท่ากับโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากการเป็นเบาหวานและภาวะน้ำตาลสะสมในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเป็นภาวะเสี่ยงของการอุดตันของเส้นเลือด
เบาหวาน มี 2 ประเภทหลักๆ
เบาหวานประเภทที่ 1 – มักจะเป็นในเด็กหรือเป็นตั้งแต่เกิดซึ่งสาเหตุต่างจากประเภทที่ 2 เนื่องจากตับอ่อน ไม่สามารถสร้างสารอินซูลินหรือตับอ่อนไม่ทำงาน อินซูลินเป็นตัวดึงน้ำตาลในเลือด ให้เก็บเข้าสู่ตับ เป็นการลดระดับน้ำตาลในเลือด และเมื่อตับอ่อนสร้างอินซูลินไม่ได้ระดับน้ำตาลในเลือด จะถูกสะสม ทำให้เกิด โรคเบาหวานในเด็ก
เบาหวานประเภทที่ 2 – ตับอ่อนยังสามารถสร้างอินซูลินได้ แต่เนื้อเยื่อของผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลินทำให้อินซูลิน ที่ถูกสร้างออกมา ก็ไม่สามารถ นำไปใช้งาน ลดระดับน้ำตาล ในกระแสเลือดได้ดีเท่าที่ควรหรือไม่ได้เลย เป็นเบาหวานที่เกิดในผู้ใหญ่ เรียกว่าการดื้อต่ออินซูลิน อาจเกิดจากความอ้วน สารพิษสะสมต่างๆอาหารการกิน และการไม่ออกกำลังกายเป็นต้น
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะเสียชีวิตจากโรคเบาหวานเองเพียงแค่ 10% อีก 50 ถึง 60 % เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดอุดตัน ส่วนที่เหลือก็เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆเช่นแผลติดเชื้อเป็นต้น
การรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการดื้อต่ออินซูลิน
เบาหวานมีผลต่อหลอดเลือดทำให้โรคหลอดเลือดเสื่อมภาวะหลอดเลือดเสื่อม มักจะเสื่อม ทั่วร่างกายไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดที่ไต หลอดเลือดที่ตา โดยเฉพาะอันตราย จากการเกิดการอุดตันที่หลอดเลือด ที่ไต และดวงตาซึ่งเป็นหลอดเลือด ที่เล็กมาก เมื่อเกิดการอุดตัน จะอันตราย ไตก็จะค่อยๆ เสื่อมโดยร่างกายยังไม่แสดงอาการใดๆ เบาหวานขึ้นตาก็จะเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่ยังไม่มีอาการในระยะแรกๆ การมองเห็นเป็นปกติ ต้องไปตรวจเท่านั้นจึงจะรู้ได้
เบาหวาน ทำให้เกิดน้ำตาลสะสมในกระแสเลือด ทำให้หลอดเลือดเสื่อมมีอาการโป่งพอง หลอดเลือดฝอย เปราะและแตกง่าย โดยเฉพาะถ้าเส้นเลือดที่ดวงตา ของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งอยู่ด้านหลังลูกตาเรา จะทราบได้ก็ต่อเมื่อ ขยายม่านตาและตรวจดูจอประสาทตาด้านหลัง มิเช่นนั้นจะไม่ทราบได้เลยว่ามีภาวะหลอดเลือดฝอยในตาแตกแล้ว
เบาหวานขึ้นตาระยะแรกๆ จะไม่มีอาการ ตาไม่มัวไม่ปวดตา ไม่มีอาการใดๆเลย ถึงแม้ว่าจะมีเลือดออก จอประสาทตาด้านใน ก็จะยังไม่แสดงอาการ จนกระทั่งระยะต่อมา มีอาการบวมมีเลือดออกมามาก จนส่งผลต่อการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน นั่นเอง
การดูแลรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ ที่หลากหลาย เมื่อนำมาใช้ร่วมกัน ในการรักษา ที่เรียกว่าการรักษาแบบบูรณาการ เน้นการดูแลรักษาผู้ป่วย ให้มีความปลอดภัย หลีกเลี่ยงสารเคมีที่อันตรายอะไรที่เสียไปแล้วก็จะสามารถดูแลและซ่อมแซม ในขณะที่ การแพทย์และยาในปัจจุบัน เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถดูแล ซึ่งในความเป็นจริง การรักษาแบบบูรณาการ จะเป็นวิธีการรักษาที่สามารถดูแลรักษาได้ตั้งแต่ต้นเหตุ ของการเกิดปัญหาสุขภาพ
ผลงานวิจัย Operation BIM กับผู้ป่วยเบาหวาน ศึกษาพบว่า?
ในผู้ป่วยเบาหวาน เม็ดเลือดขาวหลั่งสาร TNF-α, IFN-γ และ IL-17 มากไปจนเกินความสมดุล
โดย TNF-α และ IFN-γ
จะเข้าไปทำลายเบต้าเซลล์ในตับอ่อน จนทำให้ สร้างอินซูลินได้น้อยลง (เบาหวานชนิดที่ 1)
และสารทั้งสองนี้ยังทำให้เกิดสภาวะดื้อต่ออินซูลินของเซลล์ (เบาหวานชนิดที่ 2) ส่วน IL-17 จะทำให้สภาวะการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นจึงทำให้เบาหวาน เป็นอาการหนึ่งของการแพ้ภูมิตัวเองรุนแรงขึ้นด้วย
คณะนักวิจัย Operation bim จากศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยได้ริเริ่มแนวทางใหม่ ด้วยการใช้อาหารสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุลเพื่อป้องกันโรคภัย ด้วยการนำสาร GM-1อันทรงคุณค่า เสริมฤทธิ์ด้วยสารสกัดจากธัญพืช และผลไม้ มังคุด ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง และใบบัวบก
จากการศึกษาอย่างต่อเนื่องพบว่า สูตรอาหารนี้มีประสิทธิภาพสูงในการปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุลจึงได้ตั้งชื่อสูตรอาหารนี้ว่า “BIM ซึ่งย่อมาจาก Balancing Immunity (ภูมิคุ้มกันที่สมดุล)” นำเสนอผลงานวิจัยนี้ ในที่ประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ
ผลจากการทดสอบผลงานวิจัย operation bim ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สามารถอธิบายประสิทธิภาพของผลงานวิจัย operation bim ในการสร้างสมดุลของภูมิคุ้มกันตามหลักภูมิคุ้มกันวิทยาล่าสุด
ในการรักษา ปัจจุบันจะรอให้มีอาการบวม และเลือดออกในตามากๆจึงจะใช้วิธีการรักษาโดยการยิงด้วยเลเซอร์ เพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกของจอประสาทตาด้านหลังแต่ในขณะเดียวกัน บริเวณ ที่ได้รับการยิงเลเซอร์ ก็จะค่อยๆสูญเสีย การมองเห็นไป การรักษาในปัจจุบัน จะใช้การเฝ้าระวัง หากเป็นเพียงระยะแรก เลือดไม่ออกมาก ก็จะไม่มีการรักษาและไม่มีการยิงเลเซอร์รักษาใดๆ แล้วทำไมจึงไม่มีการป้องกันไม่ให้เลือดออกจนไม่ต้องยิงเลเซอร์ เพื่อหยุดเลือด เพื่อหยุดการสูญเสียการมองเห็นไปเรื่อยๆ
การดูแลรักษาก่อนที่จะเกิดภาวะเบาหวานขึ้นตานั้น คือการดูแลหลอดเลือดและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้เหมาะสม
หลอดเลือดเป็นสิ่งที่มีชีวิต ผนังหลอดเลือดจะมีการสะสม ของพลัค (Plaque) ที่ผนังหลอดเลือด พลัคที่ พบ จะเป็นพลัคแบบนิ่ม ที่ฝังตัวอยู่ในผนังหลอดเลือดด้านนอก หากมีการแตกของพลัก ที่ผนังหลอดเลือดด้านนอกนี้ เลือดจะเข้าไปอุดตันที่หลอดเลือดทันที นี่เป็นปัจจัยของการอุดตันของหลอดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอันตรายมาก ของโรคหลอดเลือดในปัจจุบัน
พลัคอ่อน (Plaque) ที่ผนังหลอดเลือด เกิดขึ้นจาก ผนังหลอดเลือดบริเวณนั้นเคยมีการอักเสบมาก่อน เมื่อเกิดการอักเสบ เหล่าเซลล์ไขมัน เซลล์เม็ดเลือดต่างๆ ก็จะมาเกาะสะสม บริเวณนั้น
สาเหตุของการอักเสบของหลอดเลือด
การอักเสบมี 2 ลักษณะ
– การอักเสบเพราะเกิด การอุดตันในหลอดเลือด
– การอักเสบเพราะมีสารพิษตกค้างอยู่ในกระแสเลือด
สารพิษ ได้แก่สารก่ออนุมูลอิสระทั้งหลาย โลหะหนัก สารหนู สารตะกั่วสารปรอท ซึ่งอยู่ใน อาหาร อากาศ ในน้ำ ในดิน ในสัตว์น้ำ ในพืช และมลภาวะรอบๆตัวเราเป็นต้น
เหล่านี้คือตัวการก่อให้เกิดเส้นเลือดอักเสบ และการอักเสบของเส้นเลือดทำให้เกิดการอุดตัน ของกระแสเลือด การอุดตันของกระแสเลือด ก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆมากมาย อาทิเช่นอัมพฤกษ์ อัมพาต เส้นเลือด หัวใจอุดตันไตเสื่อมจากหลอดเลือดอุดตัน โรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคไขมันในเลือดสูง ความดันสูงโรคเบาหวานน้ำตาลในเลือดสูง โรคหลอดเลือดทั้งหลายรวมทั้งโรคเบาหวานขึ้นตาอีกด้วย
การปฏิบัติตัวให้ห่างไกลจากโรคเบาหวานขึ้นตา
ป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่องน้ำผลไม้แปรรูปเป็นกระป๋อง ของมัน ของทอด และอาหารจำพวกแป้งต่างๆ
การเกิดภาวะอักเสบของร่างกาย จะเป็นตัวการให้เกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ง่ายให้หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบของร่างกาย ได้แก่อาหารจำพวกปิ้ง ย่าง จนไหม้เกรียมไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ขนมปังหรืออาหารปิ้งย่างอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นเหตุ ให้สารเคมีที่เกิดจากการไม่ไปกระตุ้นการอักเสบของร่างกาย ทำให้เกิด ภาวะอักเสบและโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.bim100channels.com/
https://www.youtube.com/bim100product